เพิ่มพลังยอดขายบนโลกออนไลน์ด้วยกลยุทธ์การขายผ่าน E-Commerce 21/Oct/2024 12:00 PM

การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในโลกของการทำการตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ช่องทาง Marketplace รวมถึงการแข่งขันบนเว็บไซต์ E-Commerce นั้น การมีช่องทางที่หลากหลาย และ คอนเทนต์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง พร้อมเทคนิคการซื้อโฆษณาออนไลน์แบบมืออาชีพ ก็คงสูญเปล่าหาก สิ่งที่ธุรกิจทุ่มเทไปนั้น ไม่ได้สร้างยอดขายอะไรกลับมาเลย

เพราะฉะนั้นแล้ว หากเรารู้วิธี ขั้นตอน พร้อมกลยุทธ์การสร้างยอดขายผ่านช่องทางหลักสำคัญของธุรกิจอย่างเว็บไซต์ E-Commerce ( อีคอมเมิร์ซ) ก็จะทำให้เรามีชัยในการแข่งขันนี้ไปมากกว่าครึ่งแล้ว สำหรับบทความนี้ SEP Platform จึงขอนำเสนอ 5 ขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้คุณสร้างยอดขายผ่านเว็บไซต์ธุรกิจ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซไปได้

บทความนี้จึงเหมาะสำหรับใครบ้าง

บทความนี้เหมาะสำหรับ เจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการที่อยู่ในช่วงการเริ่มต้นและมีความต้องการสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะช่องทางเว็บไซต์ ต้องการคำแนะนำที่เป็นขั้นเป็นตอนเพื่อเตรียมการวางแผนก่อนการเริ่มต้น เราจึงแบ่งขั้นตอนออกมาง่าย ๆ ทั้งหมด 5 ขั้นตอนด้วยกันโดยเริ่มต้นจาก

ขั้นตอนที่ 1 : การเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มเปอร์เซ็นต์การปิดการขายบนเว็บไซต์ (Website Conversion Rate Optimization )

พื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการวัดผลความสำเร็จของเว็บไซต์ขึ้นอยู่กับ Conversion Rate หรือเปอร์เซ็นต์การสร้างยอดขายที่เกิดขึ้นได้จากเว็บไซต์ โดยเฉพาะเว็บไซต์ธุรกิจที่มีจุดประสงค์ในการสร้างมาเพื่อทำ E-Commerce เพื่อขยายความให้ผู้อ่านเข้าใจ Conversion Rate คือ การวัดเปอร์เซ็นต์ยอดขายที่เกิดจากกลุ่มคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ และ ตัดสินใจซื้อสินค้า ตัวอย่างเช่น หากมีคนมาเยี่ยมชมเว็บไซต์จำนวน 10,000 คน และตัดสินใจซื้อ 500 คน Conversion Rate หลัก ๆ จะอยู่ที่ 5 % ตัวอย่างเบื้องต้นเป็นเพียงการยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้นเป็นเพียงตัวเลขสมมติ และเราจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ Conversion Rate ในเว็บไซต์ได้อย่างไรบ้าง มาอ่านต่อกันเลยค่ะ

1.วิเคราะห์หน้าเว็บไซต์ธุรกิจ

วิเคราะห์หน้าเว็บไซต์ที่มีจำนวนผู้เข้าชมเยอะแต่มียอดการสั่งซื้อน้อย ตัวอย่างเช่น บางเว็บไซต์ที่มีการโฟกัสในการผลิตคอนเทนต์เพื่อตอบโจทย์เรื่องของ SEO หรือ Search Engine Optimisation มีจำนวนคนเข้าชมเยอะ แต่อาจจะมียอดสั่งซื้อน้อย เกิดได้จากการทำคอนเทนต์ ที่ตอบโจทย์ในด้านการเข้าถึงมากกว่าการขายสินค้า เราสามารถเลือกหน้าแสดงบทความ หรือหน้าแสดงสินค้าบางตัวที่ผันมาเป็นยอดขายได้น้อย มาวิเคราะห์ว่าเราสามารถเพิ่มจุดต่อยอดในการขายต่ออย่างไรได้บ้าง หรือเชื่อมไปยังหน้าสินค้า หรือโปรโมชั่นไปอย่างไรได้บ้าง สามารถใช้เครื่องมือ Google Analytics4 (GA4) เพื่อนำมาช่วยวิเคราะห์ด้านนี้ได้อย่างละเอียดได้เลยค่ะ

2.สร้างกิจกรรมส่งเสริมการขายภายในเว็บไซต์

กิจกรรมส่งเสริมการขายภายในเว็บไซต์ สามารถเกิดขึ้นได้หากเว็บไซต์ E-Commerce ของธุรกิจคุณมีฟังก์ชั่นที่รองรับในการสร้างคูปองส่วนลด กิจกรรมแจกแต้มสะสม และ กิจกรรมโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมในเว็บไซต์ ได้เกิดความตื่นเต้นว่าทุกครั้งที่เข้าเว็บไซต์ของแบรนด์คุณนั้นจะมีโอกาสได้เก็บของรางวัล อย่างส่วนลดพิเศษ ของแถมเพิ่มเติม และ ต่อยอดไปถึง ได้นำคูปองส่วนลดมาใช้ในการสั่งซื้อสินค้า ทั้งหมดทั้งมวลเป็นสิ่งที่แบรนด์จะต้องวางแผนไว้ก่อนเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ E-Commerce เพื่อเป็นอีกหนึ่งส่วนของแผนกลยุทธ์ในการกระตุ้นยอดขาย

3.ติดตั้งเครื่องมือในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์

ตัวอย่างเครื่องมือหลัก ๆ ที่เจ้าของธุรกิจต้องมี เช่น

• เริ่มต้นจาก Google Analytics 4 ( GA4) ไว้สำหรับติดตั้งเพื่อดูรายละเอียด การเดินทางของผู้เข้าชมเว็บ และ เห็นสถิติความเป็นไปได้ของการปิดการขายจากแต่ละหน้าของเว็บไซต์
• Ahrefs เครื่องมือสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ SEO ภายในเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ

ขั้นตอนที่ 2 เสริมพลังยอดขายบนเว็บไซต์ด้วย Email Marketing

จากของมูลของ Statista เว็บไซต์แสดงผลสถิติจากการวิจัยข้อมูลทั่วโลกมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการโฆษณาผ่านช่องทาง Email ในประเทศไทยจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2024 - 2029 หลังจากมีการใช้งานที่น้อยลงในช่วงปี 2021-2023 เป็นช่วงเวลาระหว่างโควิดและหลังโควิดเล็กน้อย แต่ตั้งแต่ปี 2024 -2029 นั้น จะมีการเติบโตในการใช้ Email เพื่อเป็นช่องทางในการโฆษณาสำหรับธุรกิจเติบโตขึ้นต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ 2.86%

สถิติดังกล่าวจึงทำให้เห็นว่า แบรนด์และธุรกิจหลายธุรกิจในไทยยังคงเล็งเห็นความสำคัญจากการใช้ช่องทาง email marketing ในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจเพราะได้ผลลัพธ์ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจ หรือ เคยเข้ามาเยี่ยมชมในเว็บไซต์แล้ว ยังคงมีปฏิสัมพันธ์ผ่านโปรโมชั่น และ ข่าวสารบนช่องทางอีเมลอยู่ และหากธุรกิจไหนที่มีการได้ข้อมูลของผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์มาเป็นอีเมลนั้นก็จะสร้างแต้มต่อให้กับธุรกิจได้ ไม่ว่า-จะเป็นการต่อยอดฐานข้อมูลในการประชาสัมพันธ์ผ่าน Email Marketing

• การสร้างฐานข้อมูลเพื่อนำไปต่อยอดการซื้อโฆษณาบนโลกออนไลน์
• การนำเสนอโปรโมชั่นเฉพาะบุคคลที่ตรงโจทย์มากขึ้น (Personalised Promotion )

ขั้นตอนที่ 3 การขยายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าด้วยช่องทางโซเชียลมีเดีย

การทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียยังมีพื้นฐานเรื่องของการสร้างคอนเทนต์ที่เราจะต้องทำความเข้าใจว่า เวลาที่คนเข้าโซเชียลมีเดียแท้จริงแล้ว เข้าไปเพื่ออะไร และ เข้าไปเพื่อจุดประสงค์อะไร ในหลายต่อหลายครั้ง เมื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มีฟังก์ชั่น ของการทำ Social Commerce เรามักจะโฟกัสเรื่องของการขายเป็นหลัก คอนเทนตืที่ถูกผลิตมาก็มักจะเน้นสิ่งเหล่านั้น ซึ่งไม่ได้ผิดอะไร เพิ่มเติมเลยเราห้ามลืมจุดประสงค์ของการใช้โซเชียลมีเดียของผู้บริโภคด้วยว่าเข้าไปด้วยเหตุผลพื้นฐานหลัก ๆ คือ

1.เพื่อความบันเทิง ( Entertainment )

เพื่อความบันเทิงจะมีจุดประสงค์ย่อยดังต่อไปนี้

• ความผ่อนคลาย
• ความตลก สนุกสนาน
• ความดราม่าตามกระแส

2.เพื่อความรู้ ( Education )

และต้องเป็นความรู้ที่ไม่หนักเกินไป สามารถเรียนรู้และรับรู้ได้ทำให้รู้สึกฉลาดได้เพียงแค่ผ่านตา

3.เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ ( Engagement )

เป็นการอัปเดตติดตามสิ่งที่อยู่ในกระแส เพื่อนำมาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมในสังคมออนไลน์ เพราะฉะนั้นแล้ว โซเชียลมีเดียยังคงเป็นประตูบานแรกที่จะทำให้รู้สึกแบรนด์ของเรา เพิ่มเติมเราจะต้องเริ่มใช้ประตูบานแรกเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเรา เพราะฉะนั้น ขั้นตอนพื้นฐานที่ยังต้องรู้ในการทำ Social Media Strategy หรือกลยุทธ์ทางด้านการตลาดบนโลกโซเชียลมีเดีย เพื่อตอบโจทย์การสร้างยอดขายบนเว็บไซต์ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1.Customers Insight Analysis : การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า

ว่าลูกค้าได้เห็น ได้รับรู้ และ ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกับเราผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียช่องทางไหน ด้วยคอนเทนต์ประเภทไหน เพื่อให้เราสามารถนำมาออกแบบ Customer Journey Map หรือถ้าอธิบายง่าย ๆ คือการเลือกช่องทางให้ตอบโจทย์จุดประสงค์ของลูกค้าในแต่ละช่วงของการรับรู้และเข้าถึงข้อมูลของสินค้า

2.การสร้างตารางคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับช่วงเวลา

การสร้างตารางคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาของแต่ละแพลตฟอร์ม จากข้อที่ 1 เราจะทราบว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้ทุกช่องทางในการทำโซเชียลมีเดีย ขึ้นอยู่กับปัจจัยของลูกค้าเป็นหลัก ตามมาด้วยปัจจัยของทรัพยากรภายในองค์กรของเราด้วยว่าเรามีบุคลากร และ เวลา พร้อมทุนทรัพย์ในการวิ่งตามคอนเทนต์ในทุกแพลตฟอร์มมากน้อยขนาดไหน

เพราะฉะนั้นเราเลือกช่องทางที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งอีกเรื่องคือการเลือกสร้างคอนเทนต์ ให้ถูกใจกับลูกค้าในแต่ละแพลตฟอร์มพร้อมถูกช่วงเวลาทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละแบรนด์และธุรกิจจะมีช่วงเวลาที่ต่างกันออกไป ให้ลองทดสอบในช่วงต้นและเก็บข้อมูลของผลลัพธ์มานำมาวิเคราะห์กันต่ออีกที

3.การเชื่อมช่องทางเว็บไซต์เข้ากับโซเชียลมีเดีย

แนะนำให้เลือกช่องทางที่ไม่ได้ปิดกั้นการนำไปสู่เว็บไซต์แต่ก็เหมาะสมกับลูกค้าด้วย ตัวอย่างเช่นInstagram และ Youtube เป็นต้น

ขั้นตอนที่ 4 เพิ่มการเข้าถึงด้วยหลักการของ SEO

แน่นอนว่าในข้อที่ 1 เรามีการพูดถึงหลักการ SEO หรือ search engine optimisation แล้ว และยังมีอีกหลายบทความของทาง SEP Platform ที่เราให้ความสำคัญทางด้านนี้ เหตุผลหลัก ๆ การสร้างเว็บไซต์มาพร้อมกับหลักการ SEO ตั้งแต่ต้น สำคัญที่สุดคือการเข้าใจหลักการว่าเรากำลังสร้างสิ่งที่รองรับเรื่องของ SEO หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของคอนเทนต์ เทคนิคการทำ SEO การกระจายช่องทางเพื่อดึงดูดจำนวนผู้เข้าชมที่มีคุณภาพมีโอกาสเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ และสำหรับใครที่กำลังมองหาการเริ่มต้นวางแผนกลยุทธ์ทางด้าน SEO ให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มสามารถติดต่อ SEP Platform มาได้ที่ www.sepplatform.com/th

ขั้นตอนที่ 5 เสริมทัพความแข็งแกร่งของยอดขายด้วยการบริการลูกค้า (Customers Service)

นอกเหนือจากโปรโมชั่น ความสนุกในการซื้อสินค้าในเว็บไซต์ Ecommerce แล้วลูกค้ามองหา เรื่องของการบริการหลังการขายด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขนส่ง ความชัดเจนในเรื่องของการรับผิดชอบหากสินค้าไม่ตรงกับที่ลูกค้ามองหา หรือเสียหายอันเกิดจากกระบวนการของทางแบรนด์เอง หรือแม้แต่การบริการเพิ่มเติม

หากสินค้าที่ลูกค้ามองหาอยู่ไม่มีในคลังสินค้า ทางแบรนด์เองก็ควรจะมีช่องทางที่จะรองรับในเรื่องของ Customers Service ทั้งภายในเว็บไซต์ ซึ่งอาจจะรองรับด้วยระบบ chat ภายในเว็บไซต์ และ ระบบ Call Center เพิ่มเติมหรือระบบ Line CRM เป็นต้นเพื่อรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นสำหรับเพิ่มความมั่นใจในการซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ Ecomerce ของแบรนด์ให้กับลูกค้า